tag:blogger.com,1999:blog-45397185841548176382024-03-19T16:24:17.548+07:00Language for Early Childnoodเพื่อศึกษา,สืบค้น,แลกเปลี่ยนเรียนรู้การพัฒนาภาษาสำหรับเด็กปฐมวัยและเป็นแนวทางในการปรับปรุงข้อผิดพลาดด้วยตนเองPlay Aumhttp://www.blogger.com/profile/03005555508638808266noreply@blogger.comBlogger9125tag:blogger.com,1999:blog-4539718584154817638.post-8142552699695624272008-03-02T22:45:00.002+07:002008-03-03T00:44:54.938+07:00ส่งงานเดี่ยว<strong>กิจกรรม ก. ไก่ อะไรเอ่ย<br />เตรียมตน</strong><br />- เตรียมสื่อบัตรคำ ก.ไก่<br />- เตรียมสื่อบัตรคำรูปภาพ มี บัตรคำรูปภาพไก่ บัตรคำรูปภาพกบ บัตรคำรูปภาพแก้ว บัตรคำรูปภาพกระดาษ บัตรคำรูปภาพกระจก<br />- มีความรู้เรื่องภาษา<br />- เตรียมคำพูดของตนเอง<br /><strong>เตรียมสื่อ</strong><br />- สื่อรูปภาพบัตรคำ มี ก. ไก่ บัตรรูปภาพไก่ บัตรรูปภาพกบ บัตรรูปภาพแก้ว บัตรรูปภาพกระดาษ บัตรรูปภาพกระจก<br />- สื่อรูปภาพบัตรคำหลอก มี บัตรคำรูปภาพหมู บัตรคำรูปภาพลูกบอล บัตรคำรูปภาพทีวี<br />- กระดาษจด<br /><strong>เตรียมกิจกรรม</strong><br />- ให้เด็กๆ นั่งเป็นครึ่งวงกลม<br />- ครูอธิบายเรื่องภาษา<br />- ครูให้เด็กเล่นเกมจับคู่รูปภาพ<br />- ครูให้เด็กเล่นเกม ก. ไก่ อะไรเอย<br />- ครูถามเด็กแล้วเขียนลงในกระดาษ<br />- ครูคอยให้กำลังใจแล้วชื่นชมเด็ก<br /><br /><strong>ผลของกิจกรรม</strong><br />กิจกรรมนี้ทำกับเด็กแถวบ้าน เวลา 15:00 น. เด็กอายุ 2-5 ขวบ <br />1. จากการที่ให้เด็กเล่นเกมจับคู่แล้ว เด็กสามารถจับคู่ได้ค่ะ<br />2. ให้เด็กเล่นเกม ก. ไก่ อะไรเอยแล้ว เด็กสามารถหาตัว ก.ไก่ ได้ถูกต้องค่ะ<br />3. จากการพูดคุยกับเด็กว่า ก.ไก่ มีอะไรอีกบ้างน้อกจากนี้ <br /> มีคำว่า กวาง กระรอก กระต่าย กุ้ง กิ่งแก้วกาฝาก กาน้ำ เกิด กระติก กิน กราบไหว้ กลัว กระเป๋า <br />กางเกง เป็นต้นค่ะ<br /><strong>หมายเหตุ</strong><br />ไม่มีรูปภาพค่ะ แต่จัดกิจกรรมให้เด็กจริงค่ะPlay Aumhttp://www.blogger.com/profile/03005555508638808266noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4539718584154817638.post-86140869600703790022008-02-15T01:40:00.000+07:002008-02-15T01:44:02.908+07:00<br /><a href="http://commentthai.blogspot.com" target="_blank"><br /><br /><img border="0" src="http://i251.photobucket.com/albums/gg310/commentthai/event0007.gif" alt="Commentโดนๆ...คลิ๊กที่นี่ " /><br /><br /><span style="font-size:130%;color:#000066;">Commentโดนๆ...คลิ๊กที่นี่ </span><br /><br /></a>Play Aumhttp://www.blogger.com/profile/03005555508638808266noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4539718584154817638.post-72572200500166642242008-02-15T01:14:00.001+07:002008-02-15T01:24:16.844+07:00<a href="http://graphics-comment.blogspot.com" target="_blank"><img src="http://i234.photobucket.com/albums/ee208/decnote/Love-comments/Love-comment-59.gif" alt="Lovely cute Comments" title="More Cute Comments" /></a>Play Aumhttp://www.blogger.com/profile/03005555508638808266noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-4539718584154817638.post-40525275387918633132008-02-09T20:46:00.000+07:002008-02-09T20:50:40.969+07:00! ความน่ารักของหนู ! [*-*]<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhEfT4Jk5POR1dCVF-Tsuj4kHbnm-hXBoJbQCAqJ3S2KQj2wVHLdHe0biQrIPaiYOmQ-4HMBNJC-6TJnNSe7egeaaHunQBUQD_O8Os_QlKd6hu8aKidxuI9yTT1ssDXXFepLe_QzPpZmgvQ/s1600-h/IMG_1385.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhEfT4Jk5POR1dCVF-Tsuj4kHbnm-hXBoJbQCAqJ3S2KQj2wVHLdHe0biQrIPaiYOmQ-4HMBNJC-6TJnNSe7egeaaHunQBUQD_O8Os_QlKd6hu8aKidxuI9yTT1ssDXXFepLe_QzPpZmgvQ/s400/IMG_1385.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5164977356579189586" /></a>Play Aumhttp://www.blogger.com/profile/03005555508638808266noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4539718584154817638.post-66035457237574305402008-02-09T20:21:00.000+07:002008-02-09T22:36:19.925+07:00ภาษาธรรมชาติ หรือ Whole Language Approach<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhAj7MPh0_rVQWrzzWW-H29XAa7AaQ7pZWnCRYJzxpuKKx3F8TgXdo3cFEOXPmDJluFNJExjGzmfv-hwl194mn3IYrCrOQuczW_RTIuqa2KCUeW6EYCZzblWfsQdSCAWwAJowJFOA7yfT6e/s1600-h/IMG_1427.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhAj7MPh0_rVQWrzzWW-H29XAa7AaQ7pZWnCRYJzxpuKKx3F8TgXdo3cFEOXPmDJluFNJExjGzmfv-hwl194mn3IYrCrOQuczW_RTIuqa2KCUeW6EYCZzblWfsQdSCAWwAJowJFOA7yfT6e/s400/IMG_1427.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5164975449613710146" /></a><br /> <br /> เป็นการสอนภาษาแบบบูรณาการ คือการสอนการฟัง พูด อ่าน เขียน ไปพร้อมๆ กันอย่างมีระบบ เชื่อว่าถ้าสอนโดยรวมจะช่วยให้เด็กมีพัฒนาการทางด้านภาษาได้ง่ายและเร็วขึ้น ซึ่งดีกว่าสอนแบบเดิมที่ใช้วิธีการสอนแบบแยกออกไป เช่น พอถึงเวลาเขียนก็เขียน อ่านก็นั่งอ่านเพียงอย่างเดียว เราไม่ได้บอกว่าการสอนแบบนั้นไม่ดี แต่มีการวิจัยออกมาพบว่าการสอนแบบภาษาธรรมชาติ เราจะยึดเด็กเป็นศูนย์กลาง แต่การสอนแบบเก่าจะยึดหลักสูตรหรือหนังสือแบบเรียนเป็นตัวหลัก และการสอนแบบนี้จะช่วยเตรียมความพร้อมแก่เด็กในทุกๆ ด้าน”Play Aumhttp://www.blogger.com/profile/03005555508638808266noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4539718584154817638.post-54862482334423480082008-02-06T23:06:00.000+07:002008-02-07T03:51:01.806+07:00{{{ การพัฒนาภาษาของเด็กปฐมวัย }}}<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi9Svo0_bTvBFZIuDZ1ZwF3XSQ8KfJ9OW-Y1qOrQBmxzUw98EYEIYzyRO3lqnkIE0RSIiL7h96-hLFRgxNKot7luSKAx2plD72DC7dz3Z9ekXBpzDpG6qMILAbRswaGSlfCauciES9CMf_l/s1600-h/IMG_1021.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5163969169831894194" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; CURSOR: hand; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi9Svo0_bTvBFZIuDZ1ZwF3XSQ8KfJ9OW-Y1qOrQBmxzUw98EYEIYzyRO3lqnkIE0RSIiL7h96-hLFRgxNKot7luSKAx2plD72DC7dz3Z9ekXBpzDpG6qMILAbRswaGSlfCauciES9CMf_l/s400/IMG_1021.jpg" border="0" /></a><br /><div><span style="color:#009900;"></span></div><br /><div><span style="color:#009900;">การพัฒนาภาษาของเด็กปฐมวัย</span><br /><br /><span style="color:#cc9933;">การจัดการเรียนรู้</span><br />? รู้และเข้าใจแนวคิดทฤษฎีเกี่ยวกับพัฒนาการทางภาษา ของเด็กปฐมวัย<br />? รู้และเข้าใจหลักการและวิธีการจัดการเรียนรู้ภาษาสำหรับ เด็กปฐมวัย<br />? จัดการเรียนรู้และประสบการณ์ทั้งภาษาไทย และภาษาถิ่นสำหรับเด็กปฐมวัย<br />? สร้างสื่อเพื่อพัฒนาทักษะทางภาษาสำหรับเด็กปฐมวัย<br />? พัฒนาแบบวัดทักษะทางภาษาสำหรับเด็กปฐมวัย<br />? ยอมรับและเห็นคุณค่าของความแตกต่างระหว่างบุคคล<br /><br /><span style="color:#cc0000;">สาระการเรียนรู้<br /></span>? พัฒนาการทางภาษาของเด็กปฐมวัย<br />? การจัดการเรียนรู้แบะประสบการณ์ภาษาไทย และภาษาถิ่นสำหรับเด็กปฐมวัย<br />? หลักการ วิธีการเรียนรู้และการประเมินผล<br />? การสร้างและพัฒนาสื่อเพื่อพัฒนาทักษะ ทางภาษา<br /><br /><span style="color:#993300;">ผลลัพธ์การเรียนรู้</span><br />? ศึกษาแนวคิดทฤษฎีพัฒนาการทางภาษาและการจัด ประสบการณ์ทางภาษาสำหรับเด็กปฐมวัย<br />? ศึกษาหลักการวิธีการเรียนรู้และการประเมินผลทางภาษา สำหรับเด็กปฐมวัย<br />? ทดลองจัดประสบการณ์ทางภาษาสำหรับเด็กปฐมวัย<br />? ฝึกออกแบบสร้างทดลองประเมินและปรับปรุงสื่อ การสอนภาษา<br /><br /><br /><span style="color:#996633;">เป้าหมาย</span><br />1. สามารถวิเคราะห์ เปรียบเทียบ แนวคิดทฤษฎีการเรียนรู้ทางภาษา<br />2. สามารถวิเคราะห์ วางแผนในการจัดกิจกรรมการพัฒนาภาษาของเด็กปฐมวัย<br />3. สามารถจัดประสบการณ์การเรียนรู้ภาษา ภาษาไทย ภาษาถิ่น ภาษาอังกฤษ หรือภาษาที่สองสำหรับเด็กปฐมวัย<br />4. สามารถสร้างพัฒนา สื่อและนวัตกรรมเพื่อพัฒนาทักษะทางภาษาเด็กปฐมวัย<br />5. สามารถสร้างและพัฒนาแบบวัดและประเมินทักษะทางภาษาสำหรับเด็กปฐมวัย<br />6. สามารถวิเคราะห์ การยอมรับและเห็นคุณค่าของความแตกต่างทางภาษาระหว่างบุคคล<br /><br /><span style="color:#006600;">การสอน</span><br />ครั้งที่ 1<br />ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับภาษา<br />ศึกษาวิเคราะห์ลักษณะองค์ประกอบของภาษา<br />ครั้งที่ 2<br />ทฤษฎีการเรียนรู้ภาษา<br />วิเคราะห์ทฤษฎีการเรียนรู้ภาษา<br />ครั้งที่ 3 – 4<br />พัฒนาการทางภาษาของเด็กปฐมวัย<br />ศึกษาสังเกตสถานการณ์จริง<br />ครั้งที่ 5 – 9<br />การจัดประสบการณ์ภาษาไทยและภาษาถิ่น หรือภาษาที่ 2 สำหรับเด็กปฐมวัย<br />ศึกษาจากสถานการณ์จริง<br />ตรั้งที่ 10 – 13<br />สร้างสื่อเพื่อพัฒนาทักษะทางภาษาเด็กปฐมวัย<br />สำรวจชื่อและออกแบบการสร้างตลอดจนทดลองใช้กับเด็กจริง ๆ<br />ครั้งที่ 14 - 16<br />พัฒนาแบบวัดทักษะทางภาษา<br />ระดมความคิดในการพัฒนาแบบรัดและนำไปทดลองใช้<br /><br /><span style="color:#330033;">วัดผล ประเมินผล</span><br />1. ปฏิบัติ 50 คะแนน<br />2. สอบระหว่างภาค 20 คะแนน<br />3. สอบปลายภาค 30 คะแนน</div>Play Aumhttp://www.blogger.com/profile/03005555508638808266noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4539718584154817638.post-67596304031493090092008-02-06T22:51:00.000+07:002008-02-07T03:50:11.088+07:00!!!เด็กที่มีพัฒนาการผิดปกติสามารถวินิจฉัยได้ง่าย !!!<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjprS7xNP13qWsNTTeyT8RBkf2E1rhxJHW7fsxOoIkD_wxxUBEkD5k4FM_PuaC5GTPExf7A-VyaP_NA0ORwryDMwwWZ_Vpwo9EWlJMz5H2VvAmv4-2fHNaGu0xK2sL43LaVOYB_UmMZz5Qz/s1600-h/IMG_1081.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5163969960105876674" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; CURSOR: hand; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjprS7xNP13qWsNTTeyT8RBkf2E1rhxJHW7fsxOoIkD_wxxUBEkD5k4FM_PuaC5GTPExf7A-VyaP_NA0ORwryDMwwWZ_Vpwo9EWlJMz5H2VvAmv4-2fHNaGu0xK2sL43LaVOYB_UmMZz5Qz/s400/IMG_1081.jpg" border="0" /></a><br /><div align="left"><span style="color:#3366ff;">หากเด็กมีความสามารถไม่สมวัยชัดเจน แต่มีเด็กจำนวนไม่น้อย ที่มีพัฒนาการ</span><br /></div><div align="left"><span style="color:#3366ff;">ผิดปกติไม่สามารถวินิจฉัยได้ชัดเจน โดยเฉพาะในเด็กเล็ก </span></div><span style="color:#3366ff;"><div align="left"><br /></span></div>จากสถิติขององค์การอนามัยโลกประมาณว่าร้อยละ 15-20 ของเด็กทั่วโลก มีพัฒนาการผิดปกติ กลุ่มโรคที่มีพัฒนาการผิดปกติได้แก่โรคสมาธิสั้น ความผิดปกติทางภาษา การเรียนบกพร่อง ปัญญาอ่อน กลุ่มอาการออทิซึ่ม โรคเรื้อรังต่างๆ เช่น หอบหืด เบาหวาน โรคหัวใจ มะเร็ง เป็นต้น<br />ถ้าเราสามารถตรวจหาว่าเด็กคนนี้มีพัฒนาการล่าช้าได้เร็ว ก็จะสามารถวางแผนที่จะช่วยให้เด็กกลุ่มนี้มีคุณภาพชีวิตที่ดีพอ โดยให้รีบทำการรักษาโรคที่เด็กเป็นอยู่หรือทำการกระตุ้นการพัฒนาการตั้งแต่เล็กๆ ซึ่งอาจทำให้เด็กเหล่านี้มีพัฒนาการที่ดีขึ้นได้ โรคที่พบได้บ่อยในกลุ่มพัฒนาการผิดปกติ โดยเฉพาะในต่างประเทศโรคหนึ่ง คือ การเรียนบกพร่อง (learning disabilily หรือ LD) แต่ประเทศเรา ยังไม่ค่อยมีการศึกษาทำให้ครูบางคนเข้าใจว่า LD เป็นโรคปัญญาอ่อนทั่วๆ ไป ที่ไม่ใช่เพราะเด็ก LD สามารถเรียนจนจบดอกเตอร์ได้ถ้าได้รับการเรียนการสอนที่ถูกต้อง learning disabilily หรือ LD คือ อาการรับรู้บกพร่อง เกิดจากกระบวนการทำงานของสมองส่วนที่แปลความผิดปกติ เช่นเด็ก 2 คนดูภาพเดียวกัน เด็กที่เป็น LD จะแปลภาพออกมาเป็นรูปทรง ที่ไม่เหมือนเด็กปกติเห็น เช่น ภาพ "ก" เด็ก LD อาจเขียน "ก กลับหลัง" เพราะเขาเห็นภาพเป็นแบบนั้น เป็นต้น<br /><div align="left">เด็กที่มีความผิดปกติด้านภาษา (speech and language disorder) ซึ่งเป็นปัญหาที่พบบ่อยแต่ยังถูกละเลยความสำคัญบางอย่าง เช่น เด็กมาด้วยปัญหาพูดช้า การประเมินจะมุ่งเน้นเรื่องการพูดของเด็กเป็นส่วนใหญ่ อาจมีการประเมินความสามารถในการฟังหรือความเข้าใจภาษาบ้าง แต่มักจะไม่ครอบคลุมการประเมินว่าภาษาที่พูดนั้นมีความหมาย ในการสื่อสารเหมาะสมกับวัยหรือไม่ หรือประเมินทักษะการใช้ภาษาด้านอื่นๆ นอกจากคำพูด พัฒนาการทางภาษาที่ผิดปกติของเด็กแม้จะไม่รุนแรง แต่มีความสัมพันธ์กับความสามารถในการเรียนรู้ของเด็กเมื่อโตขึ้นพอสมควร เนื่องจากพัฒนาการของเด็กมีขีดขั้นความสามารถที่เด็กทำได้ในช่วงอายุหนึ่งๆ เช่น ร้อยละ 50 ของเด็กเริ่มเดินเองได้ที่อายุ 1 ปี หรือประมาณร้อยละ 90 เดินได้เองที่อายุ 15 ของเดือน ดังนั้นการวินิจฉัยพัฒนาการล่าช้าในเด็ก จึงต้องอาศัยเกณฑ์เทียบความสามารถของเด็กที่มีปัญหากับเด็กปกติ ส่วนมากที่อายุเท่ากันด้วย </div><div align="left"><br /><span style="color:#ffcc33;"></span><span style="color:#ff0000;">DQ=อายุพัฒนาการx100 อายุจริง </span></div><div align="left"><br />DQ คือ ค่าความสามารถพัฒนาการ เป็นคะแนนที่ได้จากการทดสอบ การพัฒนาการของเด็ก โดยแบบทดสอบการพัฒนาการขั้นแรกสร้างในปี พ.ศ.2523 เป็นแบบทดสอบที่ใช้เวลาทดสอบประมาณ 30 นาที เริ่มใช้กับทารกอายุ 1 สัปดาห์ ถึง 42 สัปดาห์<br />อายุพัฒนาการ หมายถึง อายุเฉลี่ยที่เด็กมีความสามารถทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ เช่น เด็กคนหนึ่งอายุ 2 ปี เพิ่งเริ่มพูดคำที่มีความหมายได้ (แต่ปกติเด็กส่วนใหญ่ จะพูดคำพูดที่มีความหมายได้เมื่ออายุ 1 ปี ซึ่งเด็กคนนี้จะมีอายุพัฒนาการ 1 ปี แต่อายุจริง 2 ปี) </div><div align="left"><br />DQ ของการพัฒนาการทางภาษาของเด็กคนนี้ =1/2x100=50<br />เอาเด็กที่มีพัฒนาการด้านใดด้านหนึ่งล่าช้าโดย DQ อยู่ระหว่าง 50-70 เกณฑ์ล่าช้านั้นอยู่ในขั้นน้อย และเมื่อให้คำแนะนำปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเลี้ยงดูที่เหมาะสม และส่งเสริมพัฒนาการด้านนั้นๆ แล้วเด็กดีขึ้นก็อาจติดตามเฝ้าระวังดูเป็นระยะๆ ต่อไปได้ ภายหลังติดตาม 2-3 เดือน หากประเมินซ้ำแล้วยังล่าช้าอยู่ควรพิจารณา ทำการตรวจเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุต่อไป </div><div align="left"><br />ในกรณีที่ DQ มีค่าน้อยกว่า 50 ไม่ว่าจะล่าช้ากี่ด้านก็ตามควรตรวจหาสาเหตุ อย่างถี่ถ้วนตั้งแต่ต้น<br />DQ ไม่ใช่ IQ ดังนั้นจึงไม่สามารถนำมาใช้พยากรณ์ระดับสติปัญญาของเด็ก ในระยะยาวได้ อาจใช้บอกได้เพียงเป็นแนวโน้มโดยเฉพาะในกรณีที่ DQ ต่ำมากๆ เนื่องจากข้อทดสอบที่ใช้กับเด็กในช่วงอายุ 2-3 ปีแรก เป็นข้อทดสอบที่ประเมินทักษะ ด้านการใช้กล้ามเนื้อมีความสัมพันธ์กับระดับสติปัญญาน้อย<br />หากใช้ DQ ในการประเมินพัฒนาการเด็กแล้วพบว่า ทักษะการใช้กล้ามเนื้อบกพร่อง ควรให้เด็กได้พบแพทย์เพื่อตรวจระบบประสาท เพราะโรคสมองบางอย่าง เช่น cerebral palsy จะมีการทำงานของกล้ามเนื้อบกพร่อง<br />เด็กที่มีพัฒนาการด้านภาษาล่าช้าจะมีความสัมพันธ์กับระดับสติปัญญา หากมีพัฒนาการด้านภาษาช้าและพัฒนาการด้านสังคมช้าด้วย ก็อาจเป็นโรคออทิซึ่ม ในเด็กออทิซึ่มพัฒนาการทางภาษาที่ล่าช้า ไม่สัมพันธ์กับระดับสติปัญญาของเด็กกลุ่มนี้โดยตรง เพราะเด็กออทิซึ่มจำนวนหนึ่งมีระดับสติปัญญาปกติเมื่อโตขึ้น<br />พัฒนาการล่าช้าในเด็ก ทางการแพทย์ได้จำแนกพัฒนาการ ออกเป็น 4 ด้าน คือ<br />1. การทรงตัวและการใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ (gross molor)<br />2. การใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กรวมทั้งการใช้ตาและมือร่วมกันในการทำงาน (fine motor adaptive)<br />3. ด้านสื่อภาษา (language)<br />4. ด้านทักษะทางสังคม และการช่วยเหลือตนเอง (social and self help) </div><div align="left"><br /> </div><div align="left"><span style="color:#6633ff;">แนวทางการวินิจฉัยพัฒนาการล่าช้านั้นพอสรุปได้ดังนี้<br /></span>1. พัฒนาการล่าช้าเล็กน้อย (DQ 50-75)<br />เด็กที่มีพัฒนาการล่าช้าน้อยมาก โดยมี DQ มากกว่า 75 มักไม่ได้รับการวินิจฉัยว่าผิดปกติ เนื่องจากเกือบทั้งหมด เป็นภาวะที่เบี่ยงเบนไปเล็กน้อยจากปกติ แต่เมื่อเด็กมีพัฒนาการด้านใดด้านหนึ่ง ล่าช้าและ DQ อยู่ในช่วง 50-75 ส่วนหนึ่ง มักเกิดจากปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเลี้ยงดู เพราะเมื่อติดตามเด็กกลุ่มนี้ไประยะหนึ่ง พัฒนาการที่ล่าช้า จะดีขึ้นจนใกล้เคียงหรือเป็นปกติ เชื่อว่าการเลี้ยงดูที่เหมาะสม และการจัดสิ่งแวดล้อมให้เอื้ออำนวยต่อเด็กสามารถช่วยให้พัฒนาการของเด็กดีขึ้นได้<br />อย่างไรก็ตามพัฒนาการที่ล่าช้าเล็กน้อยนี้อาจเป็นอาการแสดงเริ่มต้น ของโรคบางโรคที่ไม่รุนแรง เช่น พัฒนาการด้านการใช้กล้ามเนื้อล่าช้าเล็กน้อย อาจพบในโรค cerebral palsy ชนิดไม่รุนแรงที่มีการตึงตัวของกล้ามเนื้อผิดปกติไม่มากนัก ร่วมกับมีความผิดปกติของระบบประสาทเพียงเล็กน้อย<br />พัฒนาการทางภาษาที่ล่าช้าเล็กน้อยเพียงด้านเดียว มักได้รับการวินิจฉัยว่ามีสาเหตุจากการเลี้ยงดู แต่มีเด็กจำนวนไม่น้อย ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น developmental language disorder (DLD) พัฒนาการทางภาษาล่าช้าเล็กน้อยนี้อาจมีสาเหตุจากการได้ยินบกพร่อง เป็นอาการเริ่มต้นของกลุ่มที่มีสติปัญญาต่ำกว่าปกติเล็กน้อย หรือเป็นการเรียนรู้ภาษาบกพร่อง<br />2. พัฒนาการล่าช้ามาก (DQ ต่ำกว่า 50)<br />เมื่อระดับ DQ ต่ำกว่า 50 มีโอกาสที่เด็กจะมีพัฒนาการล่าช้าผิดปกติจริงสูงมาก ประมาณครึ่งหนึ่งหรือมากกว่าของการพัฒนาการล่าช้าในกลุ่มนี้มีสาเหตุที่อาจจะระบุได้ ถ้ามีการตรวจค้นอย่างถี่ถ้วน การเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสมอาจเป็นปัจจัยเสริมที่ทำให้ช้ามากขึ้น<br />เด็กที่มีพัฒนาการล่าช้ามากโอกาสที่จะตรวจพบว่า มีเพียงด้านใดด้านหนึ่งล่าช้าเพียงด้านเดียวมีอยู่น้อยมาก ส่วนใหญ่จะมีทักษะล่าช้าหลายด้านด้วยกัน<br />พัฒนาการใช้กล้ามเนื้อล่าช้ามากมักเป็นโรคกลุ่ม cerebral palsy ที่เป็นรุนแรง ซึ่งเด็กจะมีความตึงตัวของกล้ามเนื้อผิดปกติมาก นอกจากทักษะด้านการทรงตัว และเคลื่อนไหวล่าช้าแล้ว ทักษะการใช้มือมักล่าช้าไปด้วย และอาจมีพัฒนาการด้านภาษาล่าช้าร่วมด้วย หากมีพยาธิสภาพที่สมองรุนแรง จะมีภาวะปัญญาอ่อนร่วมด้วยมากกว่า cerebral palsy ประเภทอื่นที่มีความรุนแรงน้อยกว่า ดังนั้นจึงควรประเมินทักษะการใช้มือและตาร่วมกันทำงานและด้านการสื่อภาษาด้วยเสมอ เพราะเป็นทักษะที่สามารถสะท้อนระดับสติปัญญาได้ดี ถ้าพบว่าทักษะ 2 ด้านนี้ปกติหรือใกล้เคียงปกติ เด็กคนนั้นควรได้รับการส่งเสริมพัฒนาการด้านที่ดีตามวัย เพื่อไม่ให้ขาดโอกาสการเรียนรู้ที่เป็นผลตามมาจากการที่มีการเคลื่อนไหวจำกัด หรือความสามารถจำกัดในการใช้นิ้วมือเนื่องจากมีความผิดปกติของกล้ามเนื้อ<br />ถ้าทักษะด้านภาษาปกติการส่งเสริมเพื่อให้เด็กได้เรียนรู้เพิ่มเติม อาจทำได้โดยใช้เทคโนโลยีบางอย่างช่วย เช่น คอมพิวเตอร์พัฒนาการทางภาษาที่ล่าช้า อาจเกิดร่วมกับการได้ยินบกพร่องซึ่งถ้าได้รับการช่วยเหลือเช่นใช้เครื่องช่วยฟัง ก็อาจทำให้เด็กมีพัฒนาการทางภาษาใกล้เคียงปกติได้<br />ถ้ามีพัฒนาการทางภาษาล่าช้ามาก อาจมีสาเหตุจากการได้ยินบกพร่อง หรืออาจเป็นอาการแสดงระยะแรกของภาวะปัญญาอ่อน โดยอาจมีความผิดปกติในทักษะด้านการใช้ตาและมือร่วมกันทำงานด้วยหรือไม่ก็ได้ และหากมีทักษะทางสังคมล่าช้ามากร่วมด้วยอาจเป็นกลุ่มอาการออทิซึ่ม </div><div align="left"><br /> </div><div align="left"><span style="color:#cc66cc;">สาเหตุที่ทำให้เกิดพัฒนาการล่าช้า<br /></span>1. โรคพันธุกรรม เด็กจะมีพัฒนาการล่าช้ามาตั้งแต่เกิด หรือสังเกตได้ชั่วระยะไม่นานหลังเกิดมักมีลักษณะผิดปกติแต่กำเนิดร่วมด้วย กลุ่มอาการดาวน์เป็นความผิดปกติของโครโมโซม ซึ่งเป็นสาเหตุของพัฒนาการล่าช้า (ปัญญาอ่อน) ที่พบบ่อยที่สุด<br />2. โรคของระบบประสาท เด็กพัฒนาการล่าช้าส่วนใหญ่ มักมีอาการหรืออาการแสดงทางระบบประสาทร่วมด้วย ที่พบบ่อยคืออาการชัก และความตึงตัวของกล้ามเนื้อผิดปกติ<br />3. การติดเชื้อ โรคในกลุ่มนี้ที่สำคัญคือ การติดเชื้อตั้งแต่อยู่ในครรภ์ เด็กมักมีน้ำหนักตัวน้อยตั้งแต่แรกเกิด ศีรษะเล็กผิดปกติ ตับม้ามโต การได้ยินบกพร่องและเป็นต้อกระจกร่วมด้วย เชื้อเหล่านี้ได้จากหัดเยอรมัน ซิฟิลิส toxoplasma AIDS ฯลฯ<br />4. ความผิดปกติเกี่ยวกับเมตาบอลิซึ่ม ที่พบบ่อยในไทยคือ ไทรอยด์ฮอร์โมนต่ำในเลือด ในกรณีที่เป็นมาแต่กำเนิด และไม่ได้รับการรักษาก่อนอายุ 2-3 เดือน เด็กจะมีระดับสติปัญญาต่ำกว่าปกติ อย่างถาวรซึ่งแก้ไม่ได้ แต่ถ้าเด็กได้รับการรักษาตั้งแต่แรกเกิดเด็กจะมีสติปัญญาปกติได้<br />นอกจากนี้ยังมีโรคอื่นๆ ที่เกิดจากความผิดปกติของเมตาบอลิซึ่ม ซึ่งบางโรครู้แล้วก็รักษาไม่ได้ แต่บางโรคก็รักษาได้ เช่นโรค biotinidase deficiency ซึ่งเด็กจะมีอาการแสดงคือ พัฒนาการล่าช้า ผื่น ผมร่วง ชัก การใช้ biotin รักษาอาจทำให้เด็กมีอาการดีขึ้นจนเป็นปกติ ดังนั้นถ้าพบเด็กที่มีประวัติการแต่งงานระหว่างญาติหรือบุคคลในครอบครัว ที่มีความผิดปกติทำนองเดียวกัน เด็กเหล่านี้ควรได้รับการวินิจฉัยแยกโรค ความผิดปกติแต่กำเนิดเกี่ยวกับเมตาบอลิซึ่มด้วยแม้หลายโรคจะรักษาไม่ได้ แต่ควรได้รับคำปรึกษาแนะนำเพื่อการวางแผนครอบครัวที่เหมาะสมต่อไป<br />5. ภาวะแทรกซ้อนระยะแรกเกิด มักพบในเด็กเกิดก่อนกำหนด น้ำหนักตัวแรก คลอดน้อยขาดออกซิเจน เป็นต้น<br />6. สารเคมี ตะกั่วเป็นสารเคมีที่มีผลกระทบต่อเด็กมากที่สุด เนื่องจากมีการใช้สารตะกั่วในชีวิตประจำวันมากเด็กที่มีสารตะกั่วในเลือดสูง สะสมเป็นเวลานาน จะทำให้มีระดับสติปัญญาต่ำกว่าคนทั่วไป<br />สารเคมีอีกตัวหนึ่งซึ่งมีผลทำให้การพัฒนาการของทารกในครรภ์ล่าช้า คือ แอลกอฮอล์ซึ่งเชื่อว่าเป็นสารที่ทำให้เกิดความผิดปกติในเด็กทารกคือ มีตัวเล็ก ตาเล็ก ริมฝีปากและร่องริมฝีปากบนเล็กผิดปกติ หัวใจพิการแต่กำเนิดและมีปัญหาด้านพัฒนาการและพฤติกรรม<br />7. การเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสม รวมทั้งการขาดสารอาหาร ปัจจัยข้อนี้แม้มีผลกระทบต่อพัฒนาการตามวัยของเด็กแต่มักไม่รุนแรง ดังนั้นหากเด็กที่พัฒนาล่าช้าค่อนข้างมาก โดยเฉพาะมี DQ ต่ำกว่า 50 ควรตรวจค้นสาเหตุอื่นร่วมด้วยเสมอ ผู้ที่เป็นพ่อแม่เด็กจึงควรเรียนรู้เรื่องพัฒนาการของเด็ก เพื่อสามารถค้นพบความผิดปกติทางพัฒนาการตั้งแต่แรกเริ่ม เพื่อจะได้รีบแก้ไขหรือปรับปรุงพัฒนาการของบุตรหลานของท่านให้เร็วที่สุด<br /></div><div align="left">พ.ญ.ลำดวน นำศิริกุล<br />[ ที่มา...<a href="http://www.elib-online.com/books/momnchild.html" target="blank"> นิตยสารแม่และเด็ก </a>ปีที่ 22 ฉบับที่ 334 ธันวาคม 2542 ]</div>Play Aumhttp://www.blogger.com/profile/03005555508638808266noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-4539718584154817638.post-60519442618954055262008-02-06T22:34:00.001+07:002008-03-03T23:38:43.829+07:00QQQ การพัฒนาภาษาของลูกรักแสนสนุก QQQ<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj_gWkkFuWU9x2YprieffiKlm0_SUEvYmEmOwXCOMG7TEho5bz694I4N1OQyL9qiyuguZpqXRRXZwQSlcsDSBtz0d5i_XKChRapDqKGCtvlVDFyGz7mevNgR_557YerIuEMZ0XHpZxYS29k/s1600-h/IMG_0900.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5163965282886491282" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; CURSOR: hand; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj_gWkkFuWU9x2YprieffiKlm0_SUEvYmEmOwXCOMG7TEho5bz694I4N1OQyL9qiyuguZpqXRRXZwQSlcsDSBtz0d5i_XKChRapDqKGCtvlVDFyGz7mevNgR_557YerIuEMZ0XHpZxYS29k/s400/IMG_0900.jpg" border="0" /></a><br /><div><span style="color:#3366ff;">สวัดดีค่ะ วันนี้เรามีการพัฒนาภาษาของลูกรักมาฝากค่ะ<br /><br /></span><span style="color:#cc0000;">พัฒนาการทางภาษาของเด็ก</span><br />การเรียนรู้ภาษาของเด็กมิได้เริ่มจากการเรียนคำ ความหมายของคำ แต่เริ่มจากการมีความคิดทางภาษาอยู่ภายใน แล้วจึงพัฒนาเป็นการคิดคำอาศัยการลองผิดลองถูกจากการเล่นเสียง<br />ขั้นตอนของพัฒนาการทางการรับรู้ภาษาของเด็ก<br />1. สิ่งแรกที่เด็กเรียนรู้คือ ความรู้สึกของพ่อแม่และพี่เลี้ยง ซึ่งแสดงออกโดยการพูด<br />2. เมื่อเด็กพัฒนาขึ้น เด็กจะเข้าใจการแสดงท่าทาง น้ำเสียงและรูปลักษณ์ของการพูด<br />3. ขั้นตอนการต่อมาเด็กจะเรียนรู้คำพูด และกลุ่มคำต่าง ๆ<br />4. ขั้นสูงขึ้นมาอีก เด็กจะเข้าใจประโยคที่ยาวขึ้นและยาก<br />ฉะนั้นถ้าเราต้องการให้เด็กเข้าใจและสามารถสื่อภาษาได้ถูกต้อง เราต้องให้โอกาสเด็กให้ได้ฟัง ได้เห็นสิ่งของหรือสัญลักษณ์ต่าง ๆ นั้นหลาย ๆ ครั้ง เพื่อช่วยให้เด็กได้พัฒนาภาษารับ ซึ่งเป็นสิ่ง สำคัญที่สุดในการที่จะช่วยเด็กสามารถติดต่อสื่อความหมายทางภาได้ดี<br /><br /><span style="color:#00cccc;">ขั้นตอนการแสดงออกทางภาษาของเด็ก<br /></span>1. Cooing เป็นเสียงที่เด็กทำในขณะที่นอนอยู่ในเปล จะเป็นเสียงที่อยู่ในลำคอ เช่น อา อู เอ<br />2. Babbling เสียงอ้อแอ้ ขั้นนี้จะเริ่มเชื่อมโยงเสียงพยัญชนะและสระ<br />3. ImItion ขั้นเลียนเสียง จะเริ่มเลียนเสียงตัวเอง<br />4. Single Words ขั้นนี้เด็กจะเสียง หรือทางทางประกอบ ซึ่งมีความหมายถึงบางสิ่งบางอย่าง<br />5. Jargon ในขั้นนี้เด็กจะออกเสียงคำพูดสูง ๆ ต่ำ ๆ<br />6. Telegraphic languagr เด็กจะพูดเฉพาะคำบางคำในประโยค โดยเว้นคำอื่น ๆ ที่ไม่สำคัญ<br />7. Sentonces เมื่อเด็กรู้จักใช้ ทางประกอบในขั้นแรกจะเริ่มพูดเป็นประโยคสั้น ๆ<br /><br /><span style="color:#cc9933;">ฟังพัฒนาการทางการ</span><br />1. การรับรู้ว่ามีเสียง เด็กจะสังเกตว่ามีเสียงเกิดขึ้น และทำกริยารับรู้ เช่น กระพริบตา<br />2. การจำและระลึกเสียงได้ เด็กจะเริ่มเข้าใจและแยกแยะเสียงได้<br />3. การแสดงความเข้าใจต่อเสียง เด็กจะเริ่มทำกริยาตอบสนอง<br />เด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยินก็จะมีพัฒนาการไปตามไปตามขั้นเหล่านี้เช่น<br />เดียวกัน คือจะต้องรู้จักฟังก่อน เพื่อที่จะสามารถเกิดทักษะในการพูด<br /><br /><span style="color:#cc33cc;">พัฒนาการทางการพูด</span><br />1. ปฏิกิริยาสะท้อน นับตั้งแต่แรกเกิดถึง 3 เดือน เด็กจะร้องไห้เป็นการตอบสนองตอสิ่งเร้าต่าง ๆ<br />2. ขั้นเล่นเสียง นับต่อจากขั้นที่ 1 จนถึง 8 เดือน ในวัยนี้เสียงของผู้ใหญ่จะเป็นสิ่งเร้าให้เด็กเล่นเสียงได้<br />3. ขั้นเลียนแบบเสียง ขั้นนี้เด็กมีอายุเฉลี่ย 9 เดือน เด็กสามารถจำเสียงของผู้อื่นได้ละเอียดขึ้น<br />4. ขั้นเลียนแบบซ้ำ ๆ เมื่อเด็กอายุได้ประมาณ 1 ปี จะเลิกเรียนเสียงของตัวเองที่ไม่มีความหมาย<br />5. ขั้นพูดได้ อายุประมาณ 10 –18 เดือน เด็กจะพูดคำแรกได้ เมื่ออายุมากขึ้นจะเริ่มพูดประโยค<br /><br /><span style="color:#6666cc;">พัฒนาการทางการอ่าน<br /></span>พัฒนาการทางการอ่านเป็นกระบวนการที่ซับซ้อน จะต้องอาศัยความคิดรวบยอดจากการใช้คำต่าง ๆ เด็กต้องมีความพร้อมและความเข้าใจภาษามาก่อน<br />ความพร้อมในการอ่านแบ่งได้ 4 ประเภท คือ<br />1. องค์ประกอบทางด้านกายภาพ ได้แก่ การมีวุฒิภาวะและความเจริญงอกงามโดยทั่ว ๆ ไป<br />2. องค์ประกอบทางด้านสติปัญญา ได้แก่ความสามารถในการรู้ ความสามารถในการคิด<br />3. องค์ประกอบทางด้านอารมณ์ ได้แก่ การจูงใจ และ บุคลิกภาพ<br />4. องค์ประกอบทางด้านสิ่งแวดล้อม ได้แก่พื้นฐานทางภาษา และประสบการณ์ในสังคม<br /><br /><span style="color:#999900;">พัฒนาการทางการเขียน</span><br />องค์ประกอบที่สำคัญในการเขียนก็คือ ความพร้อม และวุฒิภาวะทางสมอง การควบคุมกล้ามเนื้อนิ้วมือและแขน ตลอดจนการแระสานงานกันระหว่างสายตาและมือ<br />การสอนเด็กเขียนควรดำเนินการคล้อยตามธรรมชาติ ไม่ควรเร่งรัดให้เด็กเขียน ควรมีกิจกรรมหลายอย่างที่ช่วยในการฝึกเขียนได้เป็นอย่างดี เช่น การฝึกลากเส้นประเภทต่าง ๆ จากนั้นจึงเริ่มฝึกเขียน ลักษณะที่แสดงว่าเด็กพร้อมที่จะเรียนเขียนได้ คือเด็กจะต้องมีความสามารถในด้านต่าง ๆ ดังนี้<br />1. ความสามารถของกล้ามเนื้อในขณะเขียน กล้ามเนื้อแขน มือ และนิ้วมือ จะต้องเคลื่อนไหวกลมกลืนกัน<br />2. ความสามารถในการจำภาพของตัวอักษร ภาพของตัวอักษรจะต้องอยู่ในจิตใจเด็กอย่างชัดเจนและต้องจดจำลีลาการเขียนแต่ละตัวให้ได้ การประสานของมือและตาต้องไปได้ดี การเขียนตัวอักษรของเด็กก็ทำได้ไม่ยากนัก<br /><br />แหล่งอ้างอิง : ดาวใจ ลีเหลา<br />โดย : นาง เพ็ญศรี นิลนางงาม, สถาบันราชภัฏ, วันที่ 24 สิงหาคม 2546</div>Play Aumhttp://www.blogger.com/profile/03005555508638808266noreply@blogger.com3tag:blogger.com,1999:blog-4539718584154817638.post-26810962553962384532007-11-07T13:46:00.000+07:002007-11-07T13:46:01.860+07:00งงกับการเรียน<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiP3TrbLPY52dgoZRmn3EMXrfTKt7gKaoztiVZnPiCzpxaXNmSba1ryk2LuDRfGZ017eMAula5RyiOEDJTkRt1XiCaqeOZBawHJwOFt2aPgGFsbUxD2cOHtwjkpxHfhjQ-iCGb_igCYylGd/s1600-h/4470_77053.gif"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5129985549012694002" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; CURSOR: hand" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiP3TrbLPY52dgoZRmn3EMXrfTKt7gKaoztiVZnPiCzpxaXNmSba1ryk2LuDRfGZ017eMAula5RyiOEDJTkRt1XiCaqeOZBawHJwOFt2aPgGFsbUxD2cOHtwjkpxHfhjQ-iCGb_igCYylGd/s320/4470_77053.gif" border="0" /></a><br /><div>ขอบคุณค่ะกับการสอนทำเว็ป วันนี้หิวข้าวมากเลยค่ะ................</div>Play Aumhttp://www.blogger.com/profile/03005555508638808266noreply@blogger.com0